ประเทศไทยมีการใช้สารเคมีอันตรายในภาคอุตสาหกรรม การเกษตร และงานบริการอย่างแพร่หลาย ซึ่งสารเคมีเหล่านี้ก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อสุขภาพ ความปลอดภัย และสิ่งแวดล้อม ด้วยเหตุนี้ ภาครัฐจึงได้ออกกฎหมายหลายฉบับเพื่อควบคุมดูแลการใช้ การจัดเก็บ การขนส่ง และการกำจัดสารเคมีอันตรายอย่างเป็นระบบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานประกอบกิจการที่มีลูกจ้าง ซึ่งนายจ้างมีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัดเพื่อป้องกันอันตรายจากสารเคมี
กฎหมายการทำงานกับสารเคมีอันตราย มีอะไรบ้าง
1. พระราชบัญญัติความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน พ.ศ. 2554
พระราชบัญญัตินี้เป็นกฎหมายแม่บทที่มุ่งเน้นความปลอดภัยของลูกจ้างในสถานประกอบการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีการปฏิบัติงานร่วมกับสารเคมีอันตราย โดยมีบทบัญญัติที่สำคัญ ดังนี้:
1.1 การประเมินความเสี่ยงจากสารเคมี
มาตรา 16 แห่งพระราชบัญญัตินี้กำหนดให้นายจ้างต้องทำการ ประเมินความเสี่ยง จากการทำงานที่เกี่ยวข้องกับสารเคมี โดยเฉพาะสารที่มีผลกระทบต่อสุขภาพ เช่น สารก่อมะเร็ง สารพิษเรื้อรัง หรือสารไวไฟ การประเมินความเสี่ยงต้องครอบคลุมถึงการสัมผัสทางผิวหนัง ทางการหายใจ และทางการปนเปื้อน
1.2 การจัดทำแผนความปลอดภัย
นายจ้างต้องจัดทำแผนควบคุมความปลอดภัยในการทำงานกับสารเคมี เช่น การจัดหามาตรการป้องกันส่วนบุคคล (PPE), การติดตั้งระบบระบายอากาศ, การควบคุมแหล่งกำเนิด และแผนฉุกเฉินในกรณีเกิดอุบัติเหตุจากสารเคมี
1.3 การฝึกอบรมและให้ความรู้
มาตรา 18 กำหนดให้นายจ้างต้องจัดการ ฝึกอบรมพนักงาน ให้มีความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับความเสี่ยงจากสารเคมี รวมถึงวิธีการใช้งานอย่างปลอดภัย การปฐมพยาบาลเบื้องต้น และการตอบสนองกรณีเกิดเหตุฉุกเฉิน หลักสูตรนี้เราจะรู้จักกันคือ อบรมการทำงานสารเคมีอันตราย และต้องมีการทบทวนความรู้ให้พนักงานประจำอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง
2. พระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม
กฎหมายฉบับนี้เป็นกฎหมายสำคัญที่ใช้ควบคุม วัตถุอันตรายทุกประเภท ทั้งที่ใช้ในภาคอุตสาหกรรม การเกษตร และในครัวเรือน โดยเฉพาะวัตถุอันตรายประเภทที่ 2 – 4 ซึ่งต้องมีการควบคุมอย่างเข้มงวด
2.1 การขึ้นทะเบียนวัตถุอันตราย
ผู้ผลิต ผู้นำเข้า และผู้จำหน่ายวัตถุอันตรายจะต้อง ขึ้นทะเบียนสารเคมี กับกรมโรงงานอุตสาหกรรม หรือหน่วยงานที่มีอำนาจตามประเภทของวัตถุอันตราย หากไม่มีการขึ้นทะเบียนถือว่าผิดกฎหมายและมีบทลงโทษทางอาญา
2.2 หน้าที่ของผู้เกี่ยวข้อง
-
-
ผู้ผลิต/นำเข้า ต้องจัดทำข้อมูลความปลอดภัยของสารเคมี (SDS) ให้ครบถ้วนและถูกต้อง
-
ผู้ขาย ต้องติดฉลากตามมาตรฐานของกรมโรงงานฯ โดยแสดงสัญลักษณ์อันตราย คำเตือน และวิธีการใช้อย่างชัดเจน
-
ผู้ใช้ ต้องปฏิบัติตามคู่มือความปลอดภัย และสวมใส่อุปกรณ์ป้องกันที่เหมาะสม
-
2.3 การแสดงฉลากและ SDS
พระราชบัญญัติวัตถุอันตรายกำหนดให้วัตถุอันตรายต้องมีฉลากตามระบบ GHS (Globally Harmonized System) และต้องมีเอกสารข้อมูลความปลอดภัย หรือ Safety Data Sheet (SDS) อย่างน้อย 16 หัวข้อ ตามมาตรฐานสากล โดยต้องมีภาษาไทยกำกับเพื่อให้เข้าใจได้ง่าย
3. กฎกระทรวงและประกาศกระทรวงแรงงานที่เกี่ยวกับการทำงานสารเคมี
กฎหมายลำดับรองจากพระราชบัญญัติ ที่มีรายละเอียดเฉพาะเจาะจงมากขึ้น เช่น การจัดเก็บสารเคมี การทำทะเบียน หรือมาตรฐานการติดฉลาก
3.1 กฎกระทรวงเรื่องการจัดการสารเคมีอันตราย พ.ศ. 2556
กฎกระทรวงฉบับนี้ถือเป็นกรอบสำคัญของการบริหารจัดการสารเคมีในสถานประกอบกิจการ ซึ่งมีข้อกำหนดหลัก ได้แก่:
-
-
การจัดทำ บัญชีรายชื่อสารเคมีอันตราย ที่ใช้ภายในสถานประกอบกิจการ
-
การเก็บรักษาในที่ปลอดภัย มีการแยกประเภท และมีระบบระบายอากาศ
-
การติดป้ายฉลากและป้ายเตือนอันตรายอย่างชัดเจน
-
การฝึกซ้อมแผนฉุกเฉิน กรณีสารเคมีรั่วไหลหรือระเบิด
-
3.2 ประกาศกระทรวงแรงงานเกี่ยวกับ SDS และ GHS
เช่น ประกาศกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน เรื่องการใช้ระบบ GHS ในการจำแนกและติดฉลากสารเคมี ซึ่งมีผลบังคับใช้เพื่อให้สถานประกอบการใช้ระบบการแจ้งเตือนที่เป็นสากล และทำให้พนักงานเข้าใจความเสี่ยงได้ง่ายขึ้น
4. กฎหมายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
แม้จะไม่ใช่กฎหมายหลักโดยตรง แต่กฎหมายดังต่อไปนี้ก็มีบทบาทสำคัญในการควบคุมสารเคมีอันตราย:
4.1 พระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. 2535
หากมีการปล่อยสารเคมีสู่แหล่งน้ำ ดิน หรืออากาศ สถานประกอบการจะต้องควบคุมไม่ให้เกินค่ามาตรฐานมลพิษที่กำหนดไว้ มิฉะนั้นจะมีโทษทางแพ่งหรืออาญาได้
4.2 พระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม
โรงงานที่มีการใช้หรือเก็บสารเคมีอันตรายจะต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดในการ ติดตั้งถังเก็บสารเคมี, ระบบดับเพลิง, และ มาตรการป้องกันเหตุฉุกเฉิน
4.3 พระราชบัญญัติควบคุมโรค พ.ศ. 2558
บางประเภทของสารเคมี เช่น สารตะกั่ว เบนซีน หรือแร่ใยหิน จัดอยู่ในกลุ่มสารที่ก่อให้เกิดโรคจากการทำงาน ดังนั้นจึงต้องมีการตรวจสุขภาพพนักงานอย่างสม่ำเสมอ ทำให้โรงงานต้องมีสวัสดิการตรวจสุขภาพพนักงานประจำปี
สรุป
กฎหมาย / กฎกระทรวง | ข้อกำหนดสำคัญ | กลุ่มเป้าหมาย / ผู้ที่ต้องปฏิบัติตาม |
---|---|---|
พระราชบัญญัติความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน พ.ศ. 2554 | – ประเมินความเสี่ยงจากสารเคมี – จัดทำแผนความปลอดภัย – ฝึกอบรมพนักงาน – จัดหามาตรการควบคุม |
นายจ้างในสถานประกอบกิจการที่มีลูกจ้าง |
พระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม | – ขึ้นทะเบียนวัตถุอันตราย – จัดทำ SDS – แสดงฉลาก GHS – ควบคุมการผลิต / ขาย / ใช้ |
ผู้ผลิต ผู้นำเข้า ผู้ขาย ผู้ใช้วัตถุอันตราย |
กฎกระทรวงการจัดการสารเคมีอันตราย พ.ศ. 2556 | – จัดทำทะเบียนสารเคมี – ป้ายเตือน / ปิดฉลาก – แยกประเภทและจัดเก็บ – ฝึกซ้อมแผนฉุกเฉิน |
นายจ้างในโรงงานหรือสถานประกอบกิจการที่ใช้สารเคมี |
ประกาศกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานเรื่อง GHS | – จำแนกสารเคมีตาม GHS – จัดทำ SDS 16 หัวข้อ – ติดฉลากตามมาตรฐานสากล |
ทุกสถานประกอบกิจการที่ใช้สารเคมี |
พระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม พ.ศ. 2535 | – ควบคุมการปล่อยสารเคมีสู่สิ่งแวดล้อม – ต้องไม่เกินค่ามาตรฐาน |
ผู้ประกอบการโรงงาน / โรงงานอุตสาหกรรม |
พระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม | – ถังเก็บสารเคมีต้องได้มาตรฐาน – มีระบบดับเพลิง – มาตรการฉุกเฉิน |
โรงงานที่ใช้หรือเก็บสารเคมี |
พระราชบัญญัติควบคุมโรค พ.ศ. 2558 | – ควบคุมโรคจากการสัมผัสสารเคมี – ตรวจสุขภาพพนักงานสม่ำเสมอ |
นายจ้างในกิจการที่เสี่ยงต่อสารพิษ |
การจัดการสารเคมีอันตรายในสถานประกอบกิจการไม่ใช่เพียงเรื่องของ “การป้องกันอุบัติเหตุ” เท่านั้น แต่ยังเกี่ยวข้องกับการปฏิบัติตามกฎหมายที่เข้มงวดและหลากหลาย การไม่ปฏิบัติตามอาจส่งผลให้ถูกดำเนินคดีทั้งในทางแพ่งและอาญา ดังนั้นนายจ้างและผู้บริหารควรศึกษาและทำความเข้าใจ กฎหมายหลักที่เกี่ยวข้องกับสารเคมีอันตราย อย่างรอบด้าน
ทั้งนี้การส่งเสริมความรู้แก่พนักงาน และการสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัยในองค์กร ควรทำควบคู่กัน เพื่อให้เกิด การจัดการสารเคมีอย่างปลอดภัย มีประสิทธิภาพ และถูกต้องตามกฎหมาย
สำหรับผู้ที่สนใจอบรมหลักสูตรการทำงานกับสารเคมี
ขอแนะนำ ศูนย์ฝึกอบรมสารเคมีตามกฎหมาย จากบริษัท เซฟตี้เมมเบอร์ ที่พร้อมให้บริการด้วยหลักสูตรมาตรฐานครบถ้วนตามที่กฎหมายกำหนด มีให้เลือกทั้งหมด 3 หลักสูตรหลัก เหมาะสำหรับพนักงาน ผู้ควบคุมงาน และนายจ้าง
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม หรือขอใบเสนอราคาได้ที่: [email protected]